บทที่ 1 การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัท 
ลักษณะของห้างหุ้นส่วน มาตรา 1012 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติว่า "อันว่าสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคล ตั้งแต่สองคนขึ้นไป ตกลงเข้ากัน เพื่อกระทำกิจการร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำนั้น" ดังนั้นตามกฎหมายห้างหุ้นส่วนจะต้องมีลักษณะสำคัญดังนี้
1. บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป จะนำทุนมาเข้าหุ้นกันมากน้อยเท่าใดก็ได้
1. บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป จะนำทุนมาเข้าหุ้นกันมากน้อยเท่าใดก็ได้
2. ตกลงเข้ากัน คือ บุคคลที่จะเข้าร่วมประกอบกิจการได้ทำสัญญาตกลงกันว่าจะประกอบการค้าร่วมกัน การตกลงกันนั้น จะต้องมีการแสดง เจตนาโดยแจ้งชัด อาจจะทำเป็นสัญญาปากเปล่า หรือ ลายลักษณ์อักษร ก็ได้ว่าจะเข้าเป็น "ห้างหุ้นส่วน" ทุนที่จะนำมาลง ได้แก่ เงินสด ทรัพย์สินอย่างอื่น หรือ แรงงาน คือ ใช้กำลัง สติปัญญา ความคิดแรงกายแทน
3. เพื่อการทำกิจกรรมร่วมกัน คือคู่สัญญา จะต้องมาร่วมแรงรวมใจและร่วมทุกข์กันเพื่อทำการตามที่ได้ตกลงไว้
4. เพื่อประสงค์กำไร คือ เป็นการตกลงใจทำงาน โดยมีจุดหมายปลายทางเพื่อผลกำไร อันได้เกิดจากกิจการที่ทำนั้น และผลกำไรจะได้นำมาแบ่งกัน ระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน แต่ถ้ากิจการไม่หวังผลกำไร กิจการนั้นไม่ถือว่าเป็นห้างหุ้นส่วน
ประเภทห้างหุ้นส่วน
1. ห้างหุ้นส่วนสามัญ มีหุ้นส่วน สองคนขึ้นไป ผู้เป็นหุ้นส่วนจะอยู่ฐานะผู้จัดการ และทุกคนรับผิดชอบในหนี้สินไม่จำกัดจำนวน ตามกฎหมายเรียกว่า ผู้เป็นหุ้นส่วนสามัญ และเรียกผู้ที่รับผิดชอบการบริหารงานของห้างว่า "หุ้นส่วนผู้จัดการ"
ข้อดีของห้างหุ้นส่วนสามัญ
1. การจัดตั้งกระทำได้ง่าย
2. มีการร่วมทุนและความรู้ความสามารถจากผู้เป็นหุ้นส่วน
3. สามารถขยายกิจการด้วยการเพิ่มทุนหรือรับหุ้นส่วนเพิ่มได้
ข้อเสียของห้างหุ้นส่วนสามัญ
1. เมื่อห้างมีการขาดทุนและเลิกกิจการ ผู้เป็นหุ้นส่วนที่มีฐานะการเงินดีจะถูกเรียกร้องให้ชำระหนี้ของห้างทั้งหมดได้
2. ความคล่องตัวและความเป็นอิสระ ในการบริหารงานลดลง
3. การเสียภาษี เป็นการเสียแบบบุคคลธรรมดา
4. ผู้เป็นหุ้นส่วนต้องรับผิดชอบต่อเจ้าหนี้ร่วมกันโดยเจ้าหนี้ อาจจะเรียกให้หุ้นส่วนคนใดชำระหนี้ให้จนครบจำนวนย่อมได้
การประกอบการแบบห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล มีลักษณะเหมือนกับห้างหุ้นส่วนสามัญทุกประการ แต่มีข้อแตกต่างกัน คือการนำห้างหุ้นส่วนสามัญไปจดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีผลให้ห้างหุ้นส่วนนั้นเป็นนิติบุคคล แยกต่างหากจากห้างหุ้นส่วน
ข้อดีของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล
1. การเสียภาษีแบบนิติบุคคล
2. ได้รับความเชื่อถือจากบุคคลภายนอกมากขึ้น เนื่องจากมีผู้สอบบัญชี
3. มีการร่วมลงทุนและความรู้ของหุ้นส่วน
ห้างหุ้นส่วนจำกัด
ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ องค์กรธุรกิจที่มีบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปมาร่วมกันลงทุนประกอบกิจการแสวงหากำไรแบ่งปันกัน โดยมีผู้ลงหุ้น 2 จำพวกคือ จำพวกความรับผิดไม่จำกัดและพวกความรับผิดจำกัด
ลักษณะสำคัญของห้างหุ้นส่วนจำกัด
ห้างหุ้นส่วนจำกัด มีลักษณะทั่วไปเหมือนห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และมีลักษณะ 2 ประการ ดังนี้
1. ห้างหุ้นส่วนจำกัด มีหุ้นส่วน 2 จำพวก คือ
(1) หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด หมายถึง หุ้นส่วนซึ่งจำกัดความรับผิดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนรับลงหุ้น เช่นรับจะลงหุ้น 1 แสนบาท ก็รับผิดเพียง 1 แสนบาท เป็นต้น
(2) หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด หมายถึง หุ้นส่วนที่ต้องรับผิดในห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวน
2. ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
ผลของการไม่จดทะเบียน
เมื่อมีการตกลงจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดขึ้น หากยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล กฎหมายให้ถือว่าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างฯ โดยไม่จำกัดจำนวนจนกว่าจะได้จดทะเบียนไว้เท่าใด
การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด
การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องไปจดทะเบียนหุ้นส่วน ณ กรมทะเบียนการค้าในท้องที่ซึ่งสำนักงานใหญ่ของห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นตั้งอยู่ การจดทะเบียนต้องมีรายการต่อไปนี้
(1) ซื่อห้างหุ้นส่วน
(2) ข้อแถลงความว่าเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด และวัตถุประสงค์ของห้างหุ้นส่วนนั้น
(3) ที่ตั้งสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาทั้งปวง
นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้แก่
1. ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล
2. ห้างหุ้นส่วนจำกัด
3. บริษัทจำกัด
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำพวกเดียว โดยผู้คือ ห้างหุ้นส่วนประเภทซึ่งมีหุ้นส่วนเป็นหุ้นส่วนทุกคนต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้สินทั้งปวงของห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวน
ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ ห้างหุ้นส่วนประเภทซึ่งมีหุ้นส่วน 2 จำพวก ดังนี้
1. หุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด ได้แก่ ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่งรับผิดจำกัดเพียงจำนวนงินที่ตนรับว่าจะลงทุนในห้างหุ้นส่วนเท่านั้น
2. หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด ได้แก่ หุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่งรับผิดในบรรดาหนี้สินทั้งปวงของห้างหุ้นส่วนโดยไม่จำกัดจำนวน
บริษัทจำกัด คือ บริษัทประเภทซึ่งขึ้นด้วยแบ่งทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าหุ้นละเท่า ๆ กัน โดยมีผู้ถือหุ้นรับผิดจำกัด เพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือ
การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัทจำกัด ผู้ขอจดทะเบียนจะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนด พร้อมทั้งปฏิบัติตามระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลาง ว่าด้วย การจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนและบริษัท พ.ศ. 2538
การจัดตั้งห้างหุ้นส่วน
เมื่อบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปประสงค์จะประกอบกิจการในรูปของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ผู้เป็นห้นส่วนของห้างหุ้นส่วนจะต้องตกลงแต่งตั้งผู้เป็นหุ้นส่วนคนใดคนหนึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เพื่อทำหน้าที่ดำเนินการขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนริษัทที่ห้างหุ้นส่วนนั้นมีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่
สาระสำคัญที่ต้องจดทะเบียน
ในการจดทะเบียนตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลและห้างหุ้นส่วนจำกัด รายการจดทะเบียนต่าง ๆ ที่กฎหมายบังคับให้จดทะเบียนจะมีสารสำคัญเหมือนกัน ดังนี้
1. ชื่อห้างหุ้นส่วนวัตถุที่ประสงค์ของห้างหุ้นส่วน
2. ที่ตั้งสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาทั้งปวง
2. ที่ตั้งสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาทั้งปวง
3. ชื่อ ยี่ห้อ สำนักอาชีวะ
4. สิ่งที่นำมาลงหุ้นของหุ้นส่วนทุกคน
4. สิ่งที่นำมาลงหุ้นของหุ้นส่วนทุกคน
การจดทะเบียนตั้งบริษัท
เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้องจัดให้หุ้นของบริษัททั้งหมดมีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นจนครบ เมื่อมีผู้เข้าจองซื้อหุ้นจนครบแล้ว ผู้เริ่มก่อการจะออกหนังสือนัดประชุมส่งไปยังผู้ถือหุ้นทุกคนเพื่อเรียกประชุมผู้ถือหุ้น การประชุมเช่นนี้เรียกว่า การประชุมตั้งบริษัท หนังสือนัดประชุมนี้จะต้องออกก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน
กิจการที่จะต้องทำในที่ประชุมจัดตั้งบริษัททำความตกลงเรื่องข้อบังคับของบริษัท ให้สัตยาบันแก่บรรดาสัญญาซึ่งผู้เริ่มก่อการได้ทำไว้ และค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งเขาต้องออกไปในการเริ่มก่อตั้งบริษัทวางกำหนดจำนวนเงินซึ่งจะให้แก่ผู้เริ่มก่อการ ถ้าหากมีเจตนาว่าจะให้วางกำหนดจำนวนหุ้นบุริมสิทธิ์ ทั้งกำหนดสภาพและบุริมสิทธิ์แห่งหุ้นนั้น ๆ ว่าเป็นสถานใดเพียงใด ถ้าหากจะมีหุ้นเช่นนั้นในบริษัทวางกำหนดจำนวนหุ้นสามัญ หรือหุ้นบุริมสิทธิ์ ซึ่งออกให้เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เต็มค่าแล้ว หรือได้ใช้แต่บางส่วนแล้ว เพราะใช้ให้ด้วยอย่างอื่นนอกจากตัวเงิน และกำหนดว่าเพียงใดซึ่งจะถือเอาเป็นว่าได้ใช้แล้ว ถ้าหากมจะมีหุ้นเช่นนั้นในบริษัทให้แถลงในที่ประชุมโดยเฉพาะว่า ซึ่งจะออกหุ้นสามัญ หรือหุ้นบุริมสิทธิ์ให้เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เงินแล้วเช่นนั้น เพื่อแทนคุณแรงงานหรือตอบแทนทรัพย์สินอย่างใดให้พรรณนาจงชัดเจนทุกประการ
การเลือกตั้งกรรมการและพนักงานสอบบัญชีอันเป็นชุดแรกของบริษัท และวางกำหนดอำนาจของคนเหล่านี้ด้วยในการประชุมตั้งบริษัทที่ประชุมจะต้องรับรองบัญชีรายชื่อ ฐานะ และสำนักของผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นพร้อมทั้งจำนวนหุ้นซึ่งต่างคนได้ลงชื่อซื้อไว้เมื่อที่ประชุมตั้งบริษัทได้เลบือกกรรมการชุดแรก
ผู้เริ่มก่อการจะมอบการงานทั้งมหดให้แก่กรรมการรับไปดำเนินงานต่อไป กรรมการจะเรียกให้ผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทั้งหลายชำระค่าหุ้น ซึ่งจะต้องไม่น้อยกว่า 25% ของมูลค่าหุ้น เมื่อได้รับค่าหุ้นแล้วกรรมการจะดำเนินการจดทะเบียนตั้งบริษัทต่อไป ซึ่งจะต้องกระทำภายใน 3 เดือน นับแต่วันประชุมตั้งบริษัท
สาระสำคัญที่ต้องจดทะเบียน
1. จำนวนหุ้นทั้งสิ้นซึ่งได้มีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นหรือได้จัดออกให้แแล้ว แยกให้ปรากฎว่าเป็นหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ์จำนวนเท่าใด
2. จำนวนหุ้นสามัญหรือหุ้นบุริมสิทธิ์ ซึ่งออกให้เหมือนหนึ่งว่าได้ใช้เต็มค่าแล้วหรือได้ใช้แต่บางส่วนแล้วนอกจากที่ให้ใช้เป็นตัวเงิน และหุ้นที่ได้ใช้แต่บางส่วนนั้นได้ใช้แล้วเพียงใด
3. จำนวนเงินทีได้ใช้แล้วหุ้นละเท่าใด
4. จำนวนเงินทีได้รับไว้เป็นค่าหุ้นรวมทั้งสิ้นเท่าใด
5.ชื่อ อาชีวะ และที่อยู่ของกรรมการทุกคน
6. จำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงชื่อเป็นสำคัญผูกพันบริษัทได้
7. ข้อแถลงแสดงว่าบริษัทได้ตั้งขึ้นโดยมีหรือไม่มีกำหนดอายุ
8. ข้อแถลงแสดงว่าสำนักงานแห่งใหญ่และสำนักงานสาขาทั้งปวง
9. รายการอย่างอื่นที่เห็นควรจะให้ทราบแก่ประชาชน
10. ตราของบริษัท
11.ข้อแถลงแสดงว่าบริษัทได้ตั้งขึ้นโดยมีหรือไม่มีข้อบังคับ
ขั้นตอนการจดทะเบียนตั้งบริษัท
เมื่อบริษัทจัดประชุมตามวาระการประชุมครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด และกรรมการได้รับชำระค่าหุ้นจากผู้เริ่มก่อการและผู้ชื่อซื้อหุ้นครบถ้วนแล้ว กรรมการจะต้องจัดทำคำขอและรายการจดทะเบียน พร้อมทั้งเอกสารประกอบตามที่กำหนดในระเบียบฯยื่นคำขอจดทะเบียนตั้งบริษัท รายการจดทะเบียนและเอกสารประกอบ โดยกรรมการผู้มีอำนาจตามมติที่ประชุมตั้งบริษัทเป็นผู้ลงชื่อในคำขอเช่นเดียวกับการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน และต้องยื่นจดทะเบียนภายใน 3 เดือน นับแต่วันประชุมตั้งบริษัทเจ้าหน้าที่จะตรวจพิจารณา สั่งชำระค่าะรรมเนียม รับจดทะเบียน ออกใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนและหนังสือรับรองรายการทางทะเบียนเช่นเดียวกับการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน โดยคิดค่าธรรมเนียมตามทุนที่ขอจดทะเบียน (ทุนจดทะเบียนหนึ่งแสนบาทคิดค่าธรรมเนียม 500.00 บาท เศษของหนึ่งแสนบาทคิดเท่ากับหนึ่งแสนบาท แต่เก็บค่าธรรมเนียมอย่างน้อย 5,000.00 บาท อย่างมากไม่เกิน 250,000.00 บาท).

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น